กรณีศึกษา 4 ระบบ MIS ที่ท้าทายสำหรับธุรกิจธนาคาร
1. การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ
(IT) มาใช้จะมีผลกระทบต่อธนาคารในลักษณะใดบ้าง
ให้อธิบายอย่างน้อย 3ประเด็น
ตอบ
ผลกระทบในด้านการทำงานและประสิทธิภาพเนื่องด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีผลต่อการทำงานของคนในองค์กรและลูกค้าธนาคารเกือบทุกระดับ
เริ่มตั้งแต่การลงเวลาการทำงานแต่เดิมอาจใช้การเซ็นต์ชื่อแต่ปัจจุบันอาจปรับเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบการตอกบัตร
รูดบัตรลงเวลา การทำงานแต่เดิมทำงานกับแอกสารเป็นหลักแต่ปัจจุบัน เอกสารถูกลดบทบาทลง
คอมพิวเตอร์ถูกนำมาแทนที่ ประสิทธิภาพและความพึงพอใจของลูกค้าก็มากขึ้น
เริ่มตั้งแต่การต่อคิว แต่เดิมต้องไปยืนรอไม่รู้นานแค่ไหน ปัจจุบันมาถึงธนาคารกดบัตรคิวสามารถตรวจสอบได้ว่าอีกกี่คิวจะถึงตนเอง
ในระหว่างนั้นก็นั่งรออ่านหนังสือพิมพ์ไปก็ได้ การทำธุรกรรมก็สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
แม้แต่การชำระค่าสาธารณูปโภคหรือบริการต่าง ๆ
ก็สามารถทำได้ที่ธนาคารเนื่องด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างไรก็ตามธนาคารจำเป็นต้องลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศนี้ไม่มีสิ้นสุดเนื่องจากมีการแข่งขันกันสูง
ผู้ที่พัฒนาเทคโนโลยีสรสนเทศได้รวดเร็ว ตรงใจลูกค้าจะได้ครองส่วนแบ่งของตลาดก่อน
ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก แต่เดิมนั้นการถือ ใครสักคนจะเดินไปธนาคาร A เพื่อโอนเงินไปธนาคาร Z ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีบัญชีธนาคารAเลยนั้นเป็นไปไม่ได้
แต่ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ไม่ว่าจะทำธุรกรกรรมอะไรก็ทำได้
กระนั้นเองหากมองในแง่ของการจ้างงานแล้วในอนาคต
เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทมากถึงระดับหนึ่ง ผู้ทำงานระดับปฏิบัติการจะน้อยลง
ใกล้เคียงกับจำนวนผู้ดูแลควบคุม
2. การทำธุรกรรมเกี่ยวกับเช็ค
(Cheque) เช่น ใช้ระบบการประมวลผลภาพลักษณ์ (Image database) นั้นท่านคิดว่าวิธีการอื่นอีกหรือไม่ที่มีผลดีสำหรับใช้ในการทำธุรกรรม
(Transaction) ด้านเช็ค
ตอบ
การทำธุรกรรมทางเช็คนั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากจากรูปแบบเดิม เนื่องจากการจ่ายเงินเป็นเช็คนั้นผู้จ่ายสามารถระบุวันจ่ายล่วงหน้าได้หลายวันหรือหลายเดือนก็ได้
ณ วันที่จ่ายเช็คผู้จ่ายอาจไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
แต่เป็นการค้ำประกันผู้รับว่าเมื่อถึงเวลาจะจ่ายให้แน่
การทำธุรกรรมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบันจะเป็นการหักเงินในลักษณะทันทีที่เรียกว่า Real Time คือหากไปชำระหนี้ที่ใดก็ตามระบบจะตรวจสอบเงินที่มีอยู่จากบัญชีเงินฝาก
หรือบัญชีเครดิตที่เรามีอยู่ หากจำนวนเงินไม่พอก็จะปฏิเสธ
หากจะมีวิธีที่เหมาะสมกับการทำธุกรรมเช็คในอนาคต
น่าจะเป็นการใช้วิธีรวมฐานข้อมูลทางธนาคารเข้ากับบัตรประจำตัวประชาชน Smart Card กล่าวคือ
ผู้รับเงินจะต้องมีเครื่องรับรหัสอนุมัติจากบัตรประจำตัวประชาชนและผู้ถือบัตร
ซึ่งเครื่องนี้สามารถระบุวันที่จะได้รับเงิน หากไม่มีเงินโอนเข้าในวันที่กำหนด
ผู้รับสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากเครื่องนี้ไปเป็นหลักฐานแจ้งตำรวจได้
ลักษณะคล้ายเครื่องรูดบัตรเครดิตแต่ไม่จำเป็นต้องออนไลน์ สามารถพกไปมาได้สะดวก
3. ท่านคิดว่าการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีข้อดีอย่างไร
มีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน และมีผลกระทบต่อระบบธนาคารในปัจจุบันอย่างไร
ตอบ
การโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีข้อดี
หลายประการ ได้แก่
3.1 สะดวกอยู่ที่ไหนก็โอนได้
(ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านมือถือ ผ่านโทรศัพท์บ้าน)
3.2 รวดเร็วประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องขับรถไป
3.3 การโอนเงินหรือชำระเงินบางอย่างถูกกว่า
การทำผ่านทางเคาเตอร์ธนาคาร
3.4 ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการในแต่ละวัน(แต่ไม่เกินวงเงินที่ธนาคารกำหนด)
ความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับปานกลาง-สูง
ทั้งนี้มิได้ขึ้นอยู่กับระบบธนาคารเพียงฝ่ายเดียว บ่อยครั้งที่พบว่าเกิดจากผู้ใช้เองไม่มีความเชี่ยวชาญหรือชำนาญด้านคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถถูก
หลอกหลวง (Phishing) ดักจับรหัสผ่านโดย โปรแกรม หรือไวรัสอินเทอร์เน็ตรวมทั้งกลโกงต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วอย่างเห็นได้ชัดคือ
ธนาคารต้องลงทุนเพิ่มในการสร้างระบบความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
ดังจะเห็นได้จากบัตรเครดิตที่ออกใหม่ในปัจจุบันนั้นจะเป็นบัตรแบบมีชิปในตัวแทนระบบแถบแม่เหล็กแบบเดิม หากธนาคารไม่เพิ่มระดับความปลอดภัยหรือมาตรการใดแล้ว
ในอนาคตก็จะไม่มีลูกค้าคนใดกล้าเข้ามาใช้งานการทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารนั้น
เพราะไม่มีความน่าเชื่อถือ และจะเป็นการสูญเสียโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เนื่องจากลูกค้าได้ไว้วางใจในระบบของธนาคารอื่นแล้ว
4. เมื่อท่านอยู่ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง
ๆ อย่างรวดเร็วและรุนแรงนั้น ท่านจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไร
เพื่อการแข่งขันกับธนาคารอื่นๆ ในระดับโลก
ตอบ
พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
พัฒนาบุคลากรที่สามารถใช้สารสนเทศเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลุกค้าได้สูงสุด
ในยุคข้างหน้าเป็นยุคของการใช้สารสนเทศอย่างเต็มที่
เชื่อว่าต่อไปธนาคารที่สร้างใหม่อาจมีขนาดเท่ากับร้านสะดวกซื้อในปัจจุบันเท่านั้น เพราะธนาคารจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำธุรกรรมได้เหมือนธนาคารจริงทุกอย่าง ที่ไม่ใช่เพียงแค่การเงินอย่างเดียวรวมถึง
การขอสินเชื่อ การเปิดบัญชีใหม่ต้องสามารถทำได้ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ การขอคำปรึกษาด้านการลงทุน การเงิน เป็นต้น กอปรที่การสร้างธนาคารแห่งใหม่ ๆ
ในอนาคตจะทำได้ยากขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดด้านเงินลงทุนที่สูง ที่ดินที่ทำเลเหมาะสมกับการสร้างธนาคารจะหาได้ยากขึ้น ทำให้ธนาคารต้องลดต้นทุนการประกอบการให้ได้มากที่สุด
เพื่อผลกำไร แต่ยังคงไว้ซึ่งความพึงพอใจของลูกค้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น